Print This Email This
สารจากประธานกรรมการ

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

ในปี 2566 แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลาย ผู้คนกลับมาเดินทางและใช้ชีวิตเช่นเดิม ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ ทั้งจากสถานกรณ์เศรษฐกิจโลกผันผวน ภาวะสงครามในต่างประเทศที่ยืดเยื้อ และต้นทุนในการดำรงชีพที่สูงขึ้น รวมถึงการตื่นตัวของผู้คนต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในสังคมและการดำเนินธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อวิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น

ภายใต้ความผันผวนจากหลายปัจจัยดังกล่าว บริษัทขอเรียนให้ทราบว่าปี 2566 ถือเป็นปีที่บริษัทเริ่มฉากทัศน์ใหม่ของการเปลี่ยนแปลง โดยบริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจเชิงนโยบายเพื่อความมั่นคง และกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่น นอกจากธุรกิจหลักด้านอาหาร ซึ่งบริษัทได้เข้าลงทุนและรับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารสำนักงานในเขตใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครได้สำเร็จ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัท ลดภาระค่าใช้จ่ายการเช่าพื้นที่และยังสามารถเพิ่มรายได้ที่สม่ำเสมอจากพื้นที่ให้เช่าส่วนที่เหลือได้ทันที เพิ่มเสถียรภาพทางการเงินและเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทในระยะยาว อีกทั้งยังมีโอกาสสำหรับการพัฒนาอาคารใหม่เพิ่มเติมจากที่ดินว่างเปล่าที่ติดกันในอนาคตอีกด้วย

สำหรับธุรกิจหลักร้านอาหาร แม้ว่าสถานการณ์การบริโภคโดยรวมในประเทศได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็วสอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ บริษัทยังคงจำเป็นต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังเพื่อต่อสู้กับปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในประเทศที่เปราะบาง ประกอบกับการแข่งขันในตลาดร้านอาหารที่สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารสาขาบริการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทพิจารณาปรับเปลี่ยนแบรนด์ร้านอาหารในสาขาที่ไม่สามารถตอบโจทย์ตลาดผู้บริโภคได้ รวมถึงการปิดสาขาในพื้นที่บริการที่บริษัทไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี บริษัทตระหนักดีถึงการเสือกสรรของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และถูกสุขลักษณะเป็นปัจจัยหลัก บริษัทจึงให้ความสำคัญและมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่และรูปแบบบริการให้ตอบสนองความต้องการสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคได้ตามความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงสาขาบริการให้มีความทันสมัยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่สมารถครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้ทุกระดับ และสามารถบริหารจัดการต้นทุนการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 การขยายสาขาส่วนใหญ่บริษัทจะให้ความสำคัญกับแบรนด์ใหม่ ได้แก่ “ชาบู โทโมะ (Shabu TOMO)” ซึ่งเป็นร้านอาหารชาบูพรีเมี่ยมสไตล์ญี่ปุ่นเสิร์ฟแบบหม้อส่วนตัว และแบรนด์ใหม่ล่าสุด “อั่ย หั่ว กัว (Ai Huo Guo)” เพื่อตอบรับเทรนด์ร้านชาบูหมาล่าในลักษณะ พรีเมี่ยมเสริฟความสุขลันสายพาน ซึ่งบริษัทคาดว่าแบรนด์ใหม่เหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกฟื้น ผลประกอบการของบริษัทในอนาคตอันใกล้ได้อย่างยั่งยืน

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผมต้องขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น ผู้ใช้บริการ ลูกค้า คู่ค้า สถาบันการเงินและผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย ที่ให้ความไว้วางใจและมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัท ขอให้ ทุกท่านเชื่อมั่นว่าบริษัทจะยึดมั่นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลัก หลักธรรมาภิบาล มุ่งสู่ความเป็นองค์กรยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการลงทุนตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไดรับความไว้วางใจและได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีเช่นนี้ตลอดไป เพื่อให้บริษัทเติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ผมขอขอบคุณคณะกรรมการ ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานทุกท่านที่ร่วมมือร่วมใจในการมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานและเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่และมีส่วนร่วมขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทให้เติบโตมาตลอด

ดร. อภิชัย เตชะอุบล
ประธานกรรมการ